ติดตามเรา
C2vision Newera Steam ตัวแทนจำหน่ายเกมออฟไลน์ บทความ

เกมออฟไลน์ จำเป็นที่ต้องลงร้านเกมมากน้อยเพียงใด ? ตอนที่ 3

ตอนที่ 1 >>>  คลิกที่นี่ <<<

ตอนที่ 2 >>> คลิกที่นี่ <<<<

ไม่รู้จะได้นำมาเขียนเป็นตอนสุดท้ายรึเปล่า เพราะหลังจากที่ผมเน้นบริการเกมออฟไลน์เป็นหลักแล้วปรากฎว่าผมค้นพบแนวทางในการชูจุดเด่นโดยใช้เกมออฟไลน์ได้เรื่อยๆ แม้ว่ามันจะมีเกมออนไลน์มาเยอะก็ตาม แต่ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนนะครับ

ก่อนอื่นมาดูประเภทของเกมออฟไลน์ที่เราจะลงในร้านกัน หลายร้านเข้าใจว่า เกมที่เราซื้อมาสักเกมต้องมีคนเล่น หรือซื้อมาแล้วต้องคุ้ม คิดแบบนั้นไม่ถูกครับ เพราะเกมออฟไลน์มันมีเนื้อหาการเล่นที่แตกต่างกับเกมออนไลน์มาก แล้วใช่ว่าเราจะจับยัดๆๆ วาง Icon เกมออฟไลน์แปะบนหน้าจอ Destop เฉยๆ แล้วเด็กจะเล่นนะครับ ถ้าเขาไม่รู้จักเกม ไม่รู้แนวเกมมาก่อนเขาจะไม่สนใจเลย

มาดูกันว่ามีแนวอะไรบ้าง

1. แนวที่เด็กจะกลับมาเล่นเรื่อยๆ

เกมออฟไลน์แนวนี้จะเป็นเกมที่เด็กเล่นแล้วจะกลับมาเล่นเรื่อยๆ เล่นแบบเกมอินดี้ คือไม่จำเป็นต้องเล่นให้มันผ่านทุกด่านหรือเล่นจนจบ บางเกมเล่นจนจบเด็กก็ยังจะกลับมาเล่นใหม่ก็ยังได้เลย เกมประเภทนี้เหมาะสำหรับฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเด็กตัวเล็กๆ ไม่ต้องอ่านภาษาอังกฤษออก และเล่นได้เรื่อยๆ

ตัวอย่างเกมแนวนี้
Orcs Must Die!

Sonic Generations

The Binding Of Isaac

 

2. เกมที่ต้องอยู่กับมันนานๆ เล่นได้นานๆ

เกมแนวนี้ก็คงหลีกหนีไม่พ้นเกมแนวที่ต้องใช้เวลาในการเล่นกับมันนานๆ และแน่นอนว่าเกมแนวนี้จำเป็นต้องเซฟเกมด้วยไม่งั้นลูกค้าจะหนีไปร้านอื่น จุดเด่นของเกมแนวนี้ก็คือ หากลูกค้าเล่นแล้วติด เขาจะมาเล่นกับเราเรื่อยๆ (ยิ่งไฟล์เซฟเกมเราจะเป็นคนเก็บไว้เอง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะมาเล่นที่ร้านเรา)

แต่ข้อเสียก็คือ เกมแนวนี้มักเป็นเกมที่ต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลหรือเรียนรู้ รวมไปถึงจำเป็นต้องอยู่กับมันนานๆ เนื่องจากเกมแนวนี้ ไม่เล่นไปซักอาทิตย์หรือสองอาทิตย์อาจลืมวิธีการเล่นไปเลย กับอีกประเด็นปัญหาคือ เกมแนวนี้มักมีปริศนาที่ลูกค้าจะชอบเดินมาถามเราอยู่เรื่อย (ถ้าเราไม่เล่นเองก็จบ) แต่ข้อเสียจริงๆ สำหรับเกมแนวนี้ก็คือ มันจะมีคนเล่นไม่เยอะ จะได้กับลูกค้าไม่กี่คน เนื่องจากมันเล่นได้คนเดียวนั่นเอง ยกเว้นลูกค้าจะเอาไปบอกต่อ

ตัวอย่างเกมแนวนี้ที่เหมาะลงร้าน

Dark Siders

Tropico 4

Tranformers War of Cybertron

3. เกมที่เล่นได้ด้วยกัน
เกมแนวนี้ก็จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทอีก คือ

3.1) เล่นด้วยกันผ่าน Lan ซึ่งเกมแนวนี้ถือเป็นเกมไม้ตายของร้านอินเตอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ เพราะจะเป็นเกมที่ทำให้ลูกค้าสามารถมาเล่นด้วยกันได้ แต่ประเด็นก็คือ เกมแนวนี้เราจะได้ลูกค้าเป็นกลุ่มใหญ่เป็นหลัก ดังนั้นเราต้องเชิญชวนลูกค้ามาเล่นให้ได้เป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าชวนได้ รับรองเวิร์ค แต่ถ้าชวนไมได้ก็แป้ก และหากเกมนั้นๆ เนื้อหาไม่โดนใครสักคน จะไม่เล่นกันทั้งแก๊ง

ตัวอย่างเกมแนวนี้ที่เหมาะลงร้าน

Minecraft

Dino D-Day

Split Second

3.2) เกมที่จะเล่นด้วยกันในเครื่องเดียวกัน ข้อดีก็คือมันจะดึงดูดลูกค้าที่มาเป็นคู่ๆ หรือมากับเพื่อน ทำให้เล่นด้วยกันได้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กๆ เพราะเล่นด้วยกันได้พวกเขาจะชอบ แต่ข้อเสียก็คือ 2 คนก็จะเล่นกันเครื่องเดียว ถ้าพวกเขารวมเงินกันจ่ายเล่นตลอดมันก็โอเค แต่ถ้าเล่นแปบๆ เลิก มันก็ไม่คุ้มเท่ากับเล่น 2 เครื่อง

ตัวอย่างเกมแนวนี้ที่เหมาะลงร้าน

Cars2 : The Video Game

BlazBlue calamity trigger

เกมตระกูล Lego ทุกเวอร์ชั่น

LEGO : Pirates of the Caribbean

LEGO Star Wars III: The Clone Wars

Lego Harry Pottor Year 1-4

3.3) เกมที่เล่นออนไลน์ด้วยกัน เนื่องจากเกมเดี๋ยวนี้ตั้งใจจะขายลูกเดียว พี่แกเลยเอาระบบ Lan ออกซะ เท่ากับว่าถ้าจะเล่นด้วยกัน ก็ต้องซื้อมันเรียงเครื่องนะแหละ ฐานลูกค้าเกมแนวนี้จะได้กลุ่มแนวฮาร์คตคอร์หน่อยเพราะตัวเกมลักษณะแนวนี้จะไม่ใช่แนวเด็กนัก ข้อดีก็คือลูกค้าเล่นเกมแบบออนไลน์ทั่วโลกได้ เราจะได้ฐานลูกค้ากลุ่มโตๆ ที่กระเป๋าจะหนักกว่า แต่ข้อเสียก็คือต้องซื้อเรียงเครื่องนั่นเอง

ตัวอย่างเกมแนวนี้

The Haunted Hells Reach

Alien vs. Predator

F.E.3.R

คิดว่าแนวเกมต่างๆ เหล่านี้จะช่วยทำให้เพื่อนๆ ร้านอินเตอร์เนตที่เข้ามาอ่านทำความรู้จักกับเกมออฟไลน์กันมากขึ้นนะครับ สำคัญก็คือ ควรศึกษาก่อนเลยว่าเกมดังกล่าวลูกเล่นลักษณะการเล่นเป็นยังไง เพราะสำหรับร้านเนตแล้ว เกมออฟไลน์มันก็คือเกมๆ หนึ่งไม่ว่ามันจะฟอร์มยักษ์แค่ไหนก็ตาม ฉะนั้นเราก็ควรที่จะเลือกเกมที่มันมีเนื้อหาง่ายๆ ไม่ต่างจากออนไลน์ (ให้ง่ายกว่าเกมออนไลน์จะดีมาก) อย่างเช่นเกม The Elder Scrolls V: Skyrim ถึงเกมจะเป็นเจ้าของตำแหน่ง Game of The Year มีคนชอบมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันย่อมแป้กในร้านเนตเพราะมันเป็นเกมที่ต้องใช้เวลาศึกษานั่นเอง (แต่จะว่าไปเกมนี้ทาง Everything ก็ยังไม่ให้ร้านเนตลงนี่นา)

สำคัญก็คือ สำรวจูวัยของลูกค้าในร้านท่านว่าอายุเท่าไหร่ มีความสามารถแค่ไหน เช่น มันชอบเล่นเกมออนไลน์กันเยอะไหม ? สมัคร ID แล้วชอบลืมกันไหม ? มากันเป็นกลุ่มไหม ? ควรจะเน้นที่ลูกค้าขาประจำที่จะมาเป็นกลุ่มๆ เหล่านี้จะเชิญชวนให้มาเล่นเกมออฟไลน์กับทางเราได้ง่ายกว่าครับ

อีกเทคนิคหนึ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือ เราต้องใช้วิธี “ล้างสมอง” คนเล่นนั่นเอง กล่าวคือ ลูกค้ามักจะชินกับเกมที่ติดหูมาแล้ว อย่าง C_llofDuty หรือ L_D ซึ่งเกมพวกนี้หากร้านเถื่อนมันลงกันเถื่อนเราย่อมเสียเปรียบ เราต้องทำการ “ล้างสมอง” ลูกค้าให้เลิกสนใจเกมดังกล่าวมาเล่นเกมของเราให้ได้ วิธีการก็ไม่ยาก ก็คือลองให้พวกเขามาเล่นเกมของเราก่อน (ให้เล่นฟรีไป อย่าให้จ่ายเงิน) แสดงถึงเนื้อหาเกมที่สนุกและเข้าใจง่าย เฝ้าติดตามคอยสอนให้เด็กติดเกมของเราไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาจะชักชวนเพื่อนเขามาเล่น (ลูกค้าจะเชื่อฟังลูกค้ากันเองมากกว่าเจ้าของร้าน) ถ้าเราสามารถสร้างคอมมูนิตี้ของเกมออฟไลน์กับลูกค้าในร้านได้ รับรองเด็กจะแห่กันมาเล่นเกมออฟไลน์ร้านท่านครับ

ยํ้านะครับ วิธีการที่ผิดๆ ในการลงเกมออฟไลน์ในร้านก็คือ “การลงเกมแล้วก็ทิ้งเอาไว้แบบนั้น” เพราะทำแบบนั้นนอกจากจะไม่มีลูกค้าคนไหนสนใจแล้ว คุณอาจต้องเสียเงินค่าลิขสิทธิเกมมาฟรีๆ ทั้งๆ ที่มันควรสร้างกำไรให้กระเป๋าคุณได้ หลักง่ายๆ ครับ ทำให้พวกเขารู้จักเกมเรา > รู้ว่าเกมเล่นยังไง > ยั่ว (โชว์) การเล่นให้ดู > ให้ลองเล่นฟรี > เข้าไปสอน > สอนจนกว่าจะติด > อาจทำเป็นโปรโมชั่น มาเล่นเกมนี้ด้วยกันแถมเครื่องละ 15 นาทีเป็นต้น > แล้วก็ปล่อยให้ลูกค้าชวนเพื่อนกันเอง > Quest Complete

Leave a comment