ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทาง CAPCOM ได้ให้กำเนิดเกมสยองขวัญอันเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งภาพยนตร์ เกม และอื่นๆ อีกเพียบ นั่นก็คือ Resident Evil 2 ในเครื่อง Play Station 1 และตอนนี้ผ่านมา 20 ปี ได้มีการนำเกมนี้กลับมารีเมคใหม่อีกครั้งในภาพกราฟฟิกที่ทันสมัยและเล่าเรื่องใหม่อีกครั้งในมุมมองแบบสมัยใหม่ และเราก็จะกลับไปสู่ต้นกำเนิดของหายนะทั้งหมดโดยเกมนี้จะมีอะไรบ้าง เรามาดูกันครับ
ตัวเกม Resident Evil 2 นั้นจะพาคนเล่นกลับไปยังเมืองแรคคูนซิตี้ โดยเน้นโฟกัสที่เรื่องราวของตำรวจหน้าใหม่ ลีออน เอส. เคนเนดี้ ที่ได้มาช้ากว่ากำหนดการ กับ แคลร์ เรดฟิลด์ นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ตามหาพี่ชายตัวเอง ซึ่งรับงานเป็นตำรวจของเมืองแร็คคูนซิตี้แล้วหายตัวไป (เหตุการณ์พี่ชายของแคลร์ นั้นมีบอกเล่าในภาคแรก) โดยพวกเขาได้พบเจอกันในปั้มนํ้ามันแห่งหนึ่งที่ผู้เสียชีวิตจู่ๆ ลุกขึ้นมาทำร้ายร่างกายและแสดงอาการรุนแรง พวกเขามุ่งหน้าไปยังเมืองแร็คคูนซิตี้ ที่สถานีตำรวจเพื่อหวังจะหาคำตอบทั้งหมด และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
สำหรับเกมนี้ได้มีการสร้างตัวเกมขึ้นมาใหม่ทั้งหมดด้วยมุมมองภาพแบบข้ามหัวไหล่ หรือ Third person ซึ่งแตกต่างจากเกมต้นฉบับที่เป็นมุมมองจากกล้อง CCTV (ด้วยข้อจำกัดในการทำเกมเมื่อ 20 ปีก่อน) และเล่าเรื่องบางจุดนั้นใหม่ด้วย แต่อะไรหลายๆ อย่างนั้นจะยังคงอ้างอิงตามต้นฉบับ เช่น สถานที่ ตัวละคร การดำเนินเรื่องราว รวมไปถึงการแก้ไขปริศนาที่คนเล่นจะต้องหาทางแก้ไขอีกด้วย
รูปแบบการเล่นของเกมจะเป็นเกมแนวแอ็คชั่นไขปริศนา ที่คนเล่นจะต้องวิ่งวนไปวนมาในสถานที่เดิมๆ (ยกเว้นในช่วงฉากไคลแมตซ์) เพื่อแก้ไขปริศนาในการผ่านด่าน เช่น จะหนีออกจากไปสถานีตำรวจ จะต้องหาเหรียญที่เป็นกุญแจในการเปิดประตูลับ โดยเหรียญทั้งสามนั้นจะอยู่คนละฟากของตึก โดยที่ระหว่างทางก็จะมีปริศนามาให้แก้ หรือต้องหาของจากตรงนู้นเอามาแปะตรงนี้ อะไรแบบนี้
ด้วยการที่เกมนี้เป็นเกมแนวแก้ไขปริศนา เกมจะมีการบอกใบ้ไม่กี่อย่าง ที่เหลือคนเล่นจะต้องหาทางศึกษากันเอง เช่น ถ้าอยากรู้รหัสปลดล็อคกุญแจเพื่อเอาของ คนเล่นจะต้องเปิดอ่านเอกสาร (ซึ่งในเกมจะมีการทำไฮไลท์สีเขียวๆ ไว้ให้) หรือ ไปหาม้วนฟิล์มมาล้าง (สมัยก่อน การถ่ายรูปนั้นจะต้องถ่ายลงฟิล์มแล้วเอาไปล้าง) เพื่อดูว่าใช้เป็นรหัสอะไร รวมไปถึงต้องเปิดแผนที่ แล้วสำรวจจุดต่างๆ เอง เช่น จุดที่ยังไม่ได้ไป หรือจุดที่ต้องสงสัย อะไรแบบนี้อีกด้วย ซึ่งเกมจะใช้เวลาในการแก้ไขปริศนา นานหรือช้า ก็แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน
ฉากการต่อสู้นั้นจะเป็นการยิงสู้ซอมบี้่ ซึ่งซอมบี้เป็นอะไรที่พูดถึงกันเยอะมากในโลกออนไลน์ เพราะว่าซอมบี้เกมนี้ถึกมาก ปกติยิงหัวนัดเดียวต้องตาย บางทียิงไป 3 – 4 นัดถึงจะล้ม บางทีล้มแล้วเดินกลับมาอีกที มีไม่ตาย ลุกขึ้นมาได้อีกด้วย เกมนี้ศพจะไม่หายไปไหนอีกต่างหาก ทำให้เกมนี้คนเล่นจะเกิดความระแวงตลอดเวลาท่ามกลางฉากที่มืดและบรรยากาศที่ชวนขนหัวลุก ระดับที่ว่าคนไหนไม่ชอบภาค 6 แล้วอยากได้อารมณ์สยองๆ ตัวนี้รับรองหัวใจเต้นตุ๊บตั๊บๆ สมใจแน่นอน
สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างสำหรับตัวเกมภาคนี้นี้นั่นก็คือ การนำเสนอเรื่องราวให้เหมือนกับกำลังนั่งดูหนังอยู่ ซึ่งการนำเสนอเรื่องราวแบบนี้จะเป็นมิตรมากกับคนเล่นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสเกมซีรี่ย์นี้มาก่อน (แต่ขอให้รู้มาบ้างว่า ไวรัสมาจากบริษัทอะไรก็พอ) รวมไปถึงภาพกราฟฟิกที่ทำออกมาได้สวยอย่างมาก จนคอมระดับแรงเมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้วก็สามารถเล่นลื่นได้อย่างสบายๆ แต่ขณะเดียวกัน เกมนี้ภาพก็จัดเต็มความโหด ทั้งเลือด ศพ เครื่องใน ฯลฯ เรียกได้ว่าของแหวะๆ โหดๆ มีให้เห็นแน่นอน
ตัวเกมยังมีการนำเสนอเรื่องราวการเล่นแบบ เนื้อเรื่อง A และ เนื้อเรื่อง B แบบเกมต้นฉบับ (คือต้องเล่น A ก่อน จบไปรอบหนึ่งเล่นตัวละครไหนก่อนก็ได้ แล้วกลับซํ้าอีกครั้งใน New game + เพื่อดูเนื้อเรื่องในอีกมุมมองหนึ่ง) ทำให้เกมนี้ผสมผสานระบบการเล่นแบบสมัยใหม่แต่ยังความคราสสิคเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งตัวเกมจะใช้เวลาเล่นต่อตัวละครราวๆ 10 ชั่วโมง แต่เมื่อเล่นจบไปแล้วก็จะใช้เวลาเล่นน้อยลง เพราะว่ารู้ทางและวิธีการไขปริศนาแล้วนั่นเอง
โดยรวมแล้ว สำหรับคนไหนที่รู้จักเรื่องราวของโลก Resident Evil แต่ยังไม่เคยเห็นต้นกำเนิดความเลวร้ายที่เกิดขึ้น รวมไปถึงกำลังมองหาเกมแนวสยองขวัญเล่นคนเดียว ที่มาพร้อมกับแอ็คชั่นและการดำเนินเนื้อเรื่องสุดพีคและน่าติดตามแล้วล่ะก็ นี่คือเกมระดับมาสเตอร์พีคที่แนะนำว่าต้องลองเล่นกันให้ได้ แต่ถ้าเกิดกลัวไม่กล้าเล่น หาใครซักคนเล่นให้ดูก็ได้เช่นกันครับ เพราะจังหวะ Jumpscare มาเรื่อยๆ เหมือนกันเกมนี้
สรุปจุดเด่นของเกมนี้
– การรีเมคใหม่ทั้งหมดของเกมในตำนาน 20 ปี
– นำเสนอระบบการเล่นสมัยใหม่กับแบบคราสิคไว้ด้วยกัน
– เกมนำเสนอประสบการณ์ความสยองแบบเต็มรูปแบบ
– กราฟฟิกทำสมจริงมากราวกับนั่งดูภาพยนตร์
– นี่คือผลงานมาสเตอร์พีคที่ไม่ควรพลาด
สำหรับเกม Resident Evil 2 วางจำหน่ายให้เล่นแล้ว สำหรับคนไหนที่ต้องการตัวเกมราคาพิเศษ สามารถสั่งซื้อได้ที่ SICOM ผ่านทาง แฟนเพจ ได้เลย ในราคา 1,100 บาท (เริ่มต้ม) แถม DLC Deluxe Weapon ให้ด้วย
ขอขอบคุณ ทาง SICOM สำหรับตัวเกมที่ให้ทางเรามารีวิว ณ ทีนี้ด้วยนะครับ
