ติดตามเรา
Smart Phone

เสียวหมี่ เผยรายได้ไตรมาส 3 พุ่ง 49.1% กำไรเพิ่ม 2.48 พันล้านหยวน

ประเทศไทย — 19 พฤศจิกายน 2018 – เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น (; Stock Code: 1810) ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตที่ก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เปิดเผยผลการดำเนินงานรวมก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี (unaudited) ในไตรมาส 3 ของปี 2018 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2018 (3Q2018)

จากการสานต่อโมเดลธุรกิจอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและทรงพลังที่เรียกว่า “triathlon” (ไตรกีฬา) ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของเสียวหมี่ ในไตรมาส 3 ของปี 2018 แข็งแกร่งอย่างมาก โดยรายได้ของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ประมาณ 50.846 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.1% เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่รายได้รวมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 112.7% เมื่อเทียบปีต่อปี ไปแตะที่ 22.3 พันล้านหยวน คิดเป็น 43.9% ของรายได้รวม กำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 2.481 พันล้านหยวน กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 2.885 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบปีต่อปี และเพิ่มขึ้น 36.3% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส

ข้อมูลทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับ 3Q2018

  • รายได้รวมอยู่ที่ 50,846.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรรวม 6,578 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรสุทธิ 2,480 ล้านหยวน
  • กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 2,885 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 117 หยวน

 

เล จุน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าวว่า “ในไตรมาส 3 ของปี 2018 เราต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมที่น่าประทับใจของ เสียวหมี่ เป็นผลสำเร็จ โดยสามารถเปิดลู่ทางใหม่อันหลากหลายให้กับการเดินทางของเราเพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างสรรค์นวัตกรรมล้ำสมัยได้อย่างมีนัยสำคัญ กลยุทธ์ที่ เสียวหมี่ ยึดมั่น เช่น การสร้างความเข้มแข็งให้ผลประกอบการในตลาดระดับ high-end การเดินหน้าพัฒนาของช่องทางค้าปลีกใหม่ๆ และการมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาและการประยุกต์ใช้ AI ทั้งหมดให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งในช่วงระหว่างการรายงานผลประกอบการ นอกจากนี้ ธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูงของ เสียวหมี่ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ (monetization) จากบริการอินเทอร์เน็ตนอกเหนือจากสมาร์ทโฟนในประเทศจีน การทำตลาดผลิตภัณฑ์ IoT ของเราไปทั่วโลก และการบุกตลาด white goods (เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าคงทน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในครัวเรือน) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่มีแนวโน้มที่ดี จากความสำเร็จเล่านี้ทั้งหมด เรามีความมั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตทางธุรกิจของเสียวหมี่”

 

วิเคราะห์ผลประกอบการ 3Q2018

มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกเซกเม้นต์ ในไตรมาส 3 ของปี 2018 ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ มีรายได้ประมาณ 35.0 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 36.1% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของทั้งปริมาณการขายสมาร์ทโฟนและราคาขายเฉลี่ย (ASP) ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2018 ยอดขายสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ เกินกว่า 100 ล้านเครื่อง ทะลุเป้ายอดขาย 4 ปีได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ถึง 2 เดือน ส่วนรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์เติบโต 89.8% เป็น 10.8 พันล้านหยวน ซึ่งถือเป็นอัตราเติบโตเทียบปีต่อปีที่โตเร็วที่สุด

 

ในขณะเดียวกัน รายได้จากยอดขายสมาร์ททีวีและแล็ปท็อปเพิ่มขึ้น 100.3% อยู่ที่ 4,227.2 ล้านหยวนในไตรมาส 3 ของปี 2018 นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ecosystem products หลายรายการ เช่น Mi Band, Mi Electric Scooter และ Mi VR headset มียอดขายที่ขยายตัวอย่างมาก รายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 85.5% เมื่อเทียบปีต่อปี ไปอยู่ที่ 4.7 พันล้านหยวนในไตรมาส 3 ของปี 2018 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ (monetization) ในจีนแผ่นดินใหญ่ รายได้จากการโฆษณาเติบโต 109.8% เมื่อเทียบปีต่อปี ไปอยู่ที่ 3.2 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของ recommendation algorithm การมีส่วนร่วมที่มากขึ้นของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต และรายได้จากการทำ pre-installation ที่เพิ่มขึ้น

 

ในส่วนของการจัดวางตำแหน่งในตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ในจีนแผ่นดินใหญ่ ในไตรมาส 3 ของปี 2018 เสียวหมี่ เดินหน้าเพิ่มขอบข่ายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในประเทศจีนในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงระดับไฮเอนด์ ในระหว่างการรายงานผลประกอบการ ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ ในจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงขยับขึ้นจากไตรมาสก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 4% ในเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ราคาขายเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ นอกจีนแผ่นดินใหญ่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังยุโรปตะวันตก สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงระดับไฮเอนด์ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิมให้กับการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ (monetization) ของเซ็กเมนต์บริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ ในอนาคต

รายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 112.7% เมื่อเทียบปีต่อปี ส่งผลให้รายได้รวมเพิ่มขึ้นด้วย จากข้อมูลของ Canalys ยอดขายสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ ในยุโรปตะวันตกเติบโต 386% เมื่อเทียบปีต่อปี และ เสียวหมี่รั้งอันดับ 4 ในแง่ของยอดขายสมาร์ทโฟนในไตรมาส 3 ของปี 2018 ยอดขายสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ ในอินเดียและอินโดนีเซียขยายตัว 31% และ 337% ตามลำดับ ช่วยให้เสียวหมี่ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในอินเดียและพุ่งขึ้นเป็นอันดับสองในอินโดนีเซีย โดยรวมทั่วโลก เสียวหมี่ ติดอันดับ 1  ใน 5 ใน 30 ประเทศและภูมิภาคในแง่ยอดขายในไตรมาส 3 ของปี 2018

 

ในส่วนของการสร้างความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องในด้านเครือข่ายผู้ใช้และความสามารถในการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ ผลจากยอดขายสมาร์ทโฟนและจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ใช้งานรายเดือน (monthly active users หรือ MAU) ของ MIUI เพิ่มขึ้น 43.4% จาก 156.5 ล้านรายในเดือนกันยายน 2017 เป็น 224.4 ล้านรายในเดือนกันยายน 2018 รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ MIUI (ARPU) ในไตรมาสที่มีการสำรวจเพิ่มขึ้น 29.4% เมื่อเทียบปีต่อปี ไปอยู่ที่ 21.2 หยวน นอกจากนี้ การสร้างรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศของเสียวหมี่ ยังมีแนวโน้มสดใสตั้งแต่เริ่มต้น ในไตรมาส 3 ของปี 2018 รายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศของกลุ่มบริษัทคิดเป็น 4.4% ของรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหมด นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังมองเห็นโอกาสสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากบริการอินเทอร์เน็ตในส่วนของอุปกรณ์ที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟนอีกด้วย โดยรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตทีวีมีสัดส่วนอยู่ที่ 5.4% ของรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหมดในไตรมาส 3 ของปี 2018

 

ยุทธศาสตร์การพัฒนา

ปัญญาประดิษฐ์ + IoT (AI + IoT) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ Xiaomi ในไตรมาส 3 ของปี 2018 เสียวหมี่ ได้เสริมความได้เปรียบในตลาด AI + IoT ทั่วโลกขึ้นไปอีกขั้น ในเดือนกันยายนปี 2018 บริการ AI assistant (小愛同學) ของ Xiaomi มีผู้ใช้งานที่เป็น monthly active users มากกว่า 34 ล้านรายต่อเดือน ทำให้เป็นหนึ่งใน AI voice interactive platform ที่มีผู้ที่ใช้งานมากที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ ในการประชุม 2018 World Artificial Intelligence Conference บริการ AI assistant ของเสียวหมี่ ได้รับเลือกให้เข้าชิงรางวัล SAIL Award ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดของการประชุม ในช่วงท้ายไตรมาส 3 ของปี 2018 อุปกรณ์ IoT ที่ต่อเขื่อมอินเทอร์เน็ต (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม IoT ของเสียวหมี่ มีจำนวนราว 132 ล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.8% จากไตรมาสก่อนหน้า มีผู้ใช้ 1.98 ล้านรายที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ IoT ของเสียวหมี่ มากกว่า 5 เครื่อง ซึ่งยังไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส

 

นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังมุ่งเน้นที่การสร้างระบบการค้าปลีกแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพโดยการพัฒนาช่องทางแบบออฟไลน์ที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมประสิทธิภาพช่องทางออนไลน์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2018 เสียวหมี่ มีผู้ใช้ Mi Home 499 รายในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองชั้นหนึ่งและชั้นสอง นอกจากนี้ เพื่อรุกตลาดในเมืองระดับเล็กลงมาและพื้นที่ชนบท ภายในปลายไตรมาส 3 ของปี 2018 เสียวหมี่ มีร้านค้าที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมดกว่า 1,100 ร้าน เทียบกับ 360 ร้านค้าเมื่อช่วงปลายไตรมาส 2 ของปีนี้ การดำเนินงานโดยรวมของเสียวหมี่ ยังคงมีประสิทธิภาพสูง โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 0.3% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ไปอยู่ที่ 8.5% ในไตรมาส 3 ของปี 2018

นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังใช้กลยุทธ์ multi-brand เพื่อกำหนดกลุ่มผู้ใช้เป้าหมายที่แตกต่างหลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการตอบสนองความต้องการประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนในระดับที่ดีเลิศถึงขีดสุดของผู้ใช้เสียวหมี่ ได้เปิดตัว POCOPHONE ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยใหม่ ซึ่งเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนแบรนด์แรกๆ ที่มีการเปิดตัวในอินเดียเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2018 และปัจจุบันสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีวางจำหน่ายแล้วในแทบทุกประเทศที่เสียวหมี่ เข้าไปบุกตลาด นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่เน้นเล่นเกมภายใต้แบรนด์ Black Shark ผ่านบริษัทที่ เสียวหมี่ เข้าไปลงทุน Black Shark เป็นแบรนด์ที่ผสานฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลัง ซอฟต์แวร์ที่ผ่านการคัดสรรแล้ว และบริการที่เน้นผู้เล่นเกมเป็นศูนย์กลางเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมถึงขีดสุดแก่ผู้ใช้

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 กลุ่มบริษัทและ Meitu, Inc. ได้ทำข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ ภายใต้ข้อตกลงนี้ เสียวหมี่ จะได้รับสิทธิ์จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์ Meitu และผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์อัจฉริยะบางรายการนาน 30 ปี การใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และการวิจัยและพัฒนาด้าน AI ในส่วนของบริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ รวมถึงห่วงโซ่อุปทานและการบริหารจัดการกำลังการผลิตที่เข้มแข็งเป็นระบบ ตลอดจนเครือข่ายค้าปลีกใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าธุรกิจสมาร์ทโฟนภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวจะมียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน brand impression ของ Meitu จะช่วยให้เสียวหมี่ มีผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น พร้อมขยายและเพิ่มความหลากหลายของฐานผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่

Leave a comment